เสียงตบมือดังกึกก้องไปทั่วสนามเทนนิสในรายการแข่งขันที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง Wimbledon เมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นไม่ได้เป็นเพราะว่านักเทนนิสคนโปรดของพวกเขาคว้าชัยชนะได้ แต่เป็นการตบมือให้กับ Sarah Gilbert หนึ่งในหัวหน้าทีมนักวิจัยที่คิดค้นวัคซีนต้าน โควิด-19 จาก AstraZeneca ได้เข้ามานั่งชมการแข่งขันในสนาม (รับชมคลิปได้ที่คอมเมนต์).แต่จะมีใครรู้ไหมว่าท่ามกลางเสียงตบมือ และความยินดีที่เขาได้รับมานั้น อาจต้องแลกมากับความเป็นความตายของลูกแท้ๆ ตัวเอง ? .Sarah Gilbert เป็นศาสตราจารย์ด้านวัคซีนของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Vaccitech หนึ่งในศูนย์วิจัยวัคซีนที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยที่ผ่านมาเธอได้คิดค้นวัคซีนมากมายออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้คนทั่วโลก เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มาเลเรีย และมะเร็ง . แม้ Sarah จะมีอายุ 58 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังสนุกกับงานที่เธอทำในทุกๆ วัน “ฉันตื่นตั้งแต่ตี 4 ทุกวัน พร้อมกับคำถามในหัวมากมายว่าต้องทำแบบไหนถึงจะได้วัคซีนที่ดีที่สุด และสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้” เธอกล่าว .โดยชีวิตประจำวันของเธอก็คือการตื่นนอนแต่เช้า และทำงานบ้าน 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะปั่นจักรยานออกไปศูนย์วิจัยและอยู่ในนั้นจนถึงเย็น เพราะตอนแรกที่เธอเริ่มพัฒนาวัคซีนทีมของเธอนั้นมีเพียงไม่กี่คน ทำให้เธอต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่ในปัจจุบันนี้มี 250 คนแล้ว!.หลังจากที่เธอได้คิดค้นวัคซีนต้านเชื้อไวรัส โควิด-19 ภายใต้ชื่อบริษัท AstraZeneca ด้วยการนำเชื้อไวรัสอดิโน่ (Adenovirus) มาดัดแปลงพันธุกรรมให้มีโปรตีนโคโรนาไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมนุษย์สร้างภูมิคุ้มกันโคโรนาไวรัสได้ในทางทฤษฎีได้แล้ว.เธอก็ได้ทำการทดลองกับมนุษย์กลุ่มแรกๆ นั้นก็คือลูกแฝดทั้ง 3 คนของเธอ ซึ่งลูก ๆ ของเธอมีอายุ 21 ปีแล้ว และทุกคนก็กำลังศึกษาอยู่ในสาขาวิชาเคมีเหมือนกัน ทั้ง 3 คน จึงเข้าใจแม่ของพวกเขา และยอมร่วมมือด้วยเป็นอย่างดี .“เราไม่เคยคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง เพราะฉันไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ฉันบอกกับลูกๆ ว่าไม่กังวล เพราะแม่รู้ว่าต้องใช้ยาขนาดเท่าไร และอาการไม่พึงประสงค์อะไรที่จะตามมา เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ฉันได้ทดลองไปหลายครั้งแล้ว ” Sarah กล่าว .แม้หลายคนอาจจะมองว่า ถึงยังไงมันก็เสี่ยงเพราะไม่มีใครรู้ชัด 100% ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ถูกทดลอง แต่ผลที่ได้ก็คือลูก ๆ ของเธอสบายดี และร่างกายสามารถต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ .หลังจากการทดลองนี้ประสบความสำเร็จ ทางบริษัทก็ได้นำไปทดลองกับมนุษย์กลุ่มใหญ่ขึ้น จนในที่สุด AstraZeneca ก็ได้เป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติใช้งานแล้วกว่า 168 ประเทศทั่วโลก! โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป